การตรวจหัวใจและหลอดเลือดด้วยภาพ
คลื่นสะท้อนในสนามแม่เหล็ก (MRI)

การตรวจหัวใจและหลอดเลือดด้วยภาพคลื่นสะท้อนในสนามแม่เหล็ก หรือ Cardiovascular MRI คืออะไร

การตรวจวินิจฉัยโรคหัวใจและหลอดเลือดโดยเครื่องสร้างภาพด้วยคลื่นสะท้อนในสนามแม่เหล็ก เป็นการตรวจหัวใจและหลอดเลือดอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งสามารถให้ภาพของหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างชัดเจน โดยผู้ป่วยไม่ต้องได้รับรังสีเอ็กซ์ และสารทึบรังสีเหมือนกับการตรวจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ สามารถสร้างภาพได้ทุกระนาบ และทุกแนวโดยผู้ป่วยไม่ต้องเปลี่ยนท่า นอกจากนี้ยังสามารถสร้างเป็นภาพสามมิติได้อีกด้วย

Cardiovascular MRI สามารถช่วยในการวินิจฉัยโรคหัวใจชนิดต่างๆ เช่น ตรวจหาการตีบตันของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจหรือรอยแผลเป็นที่หัวใจ โรคกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง โรคลิ้นหัวใจผิดปกติ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด โรคหัวใจวาย และยังสามารถช่วยตรวจวินิจฉัยโรคหลอดเลือดแดงใหญ่ และหลอดเลือดแดงส่วนปลายในอวัยวะอื่นๆได้ด้วย

ข้อได้เปรียบของ cardiovascular MRI ในการตรวจหาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบตัน และพยาธิสภาพของหลอดเลือดแดงส่วนปลาย

Cardiovascular MRI สามารถให้ข้อมูลได้ค่อนข้างครบถ้วนในการตรวจเพียงครั้งเดียว ได้แก่ ขนาด (size), มวล (mass), ความสามารถในการบีบตัว (ejection fraction), ลักษณะพยาธิสภาพของกล้ามเนื้อหัวใจ รวมถึงการวัดปริมาณแผลเป็นที่เกิดจากการขาดเลือดอย่างรุนแรง ลักษณะหรือพยาธิสภาพของลิ้นหัวใจ และการตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะที่หัวใจทำงานมากขึ้น ด้วยวิธีให้ยา Dobutamine หรือ Adenosine (เสมือนกับการดูประสิทธิภาพของหัวใจในขณะที่ผู้ป่วยออกกำลังกาย) เรียกว่า stress cardiac MRI ซึ่งในอดีตการตรวจให้ได้ข้อมูลเหล่านี้ครบ อาจจะต้องใช้เวลาหลายวันด้วยเครื่องมือหลายชนิด แต่ในปัจจุบัน stress cardiac MRI สามารถให้รายละเอียดข้อมูลดังกล่าวภายในเวลา 45-60 นาทีเท่านั้น

Cardiovascular MRI สามารถช่วยในการวินิจฉัยโรคหัวใจชนิดต่างๆ เช่น ตรวจหาการตีบตันของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจหรือรอยแผลเป็นที่หัวใจ โรคกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง โรคลิ้นหัวใจผิดปกติ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด โรคหัวใจวาย และยังสามารถช่วยตรวจวินิจฉัยโรคหลอดเลือดแดงใหญ่ และหลอดเลือดแดงส่วนปลายในอวัยวะอื่นๆได้ด้วยในผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง และสงสัยว่าเกิดจากหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงไตตีบ หรือมีการตีบของหลอดเลือดแดงใหญ่ Cardiovascular MRI สามารถนำมาใช้ตรวจโดยไม่ต้องฉีดสารทึบรังสีที่เป็นอันตรายต่อไต ในผู้ป่วยที่มีปัญหาของไตอยู่เดิม รวมถึงสามารถตรวจเส้นเลือดแดงทั้งตัวได้ในครั้งเดียวกัน

ผู้ป่วยที่ควรได้รับการตรวจหัวใจและหลอดเลือดด้วยเครื่อง Cardiovascular MRI

  • ผู้ป่วยที่สงสัยภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ แต่ไม่สามารถทำการตรวจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง หรือการสวนหัวใจโดยตรงได้ เนื่องจากมีข้อห้าม เช่น ภาวะไตเสื่อมหรือแพ้สารทึบรังสี

  • ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บหน้าอกหรือเหนื่อยง่าย ซึ่งสงสัยว่าจะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ แต่ผลการตรวจพิเศษอย่างอื่นไม่ชัดเจน หรือไม่สามารถตรวจพิเศษอย่างอื่นได้ เช่นการเดินสายพาน เป็นต้น โดยสามารถทำการตรวจพิเศษที่เรียกว่า Stress cardiac MRI

  • ประเมินหลังภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ว่าจะได้รับประโยชน์จากการรักษาด้วยวิธีบอลลูน ใส่ขดลวด หรือทำการผ่าตัดทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจหรือไม่

  • ผู้ป่วยที่มีประวัติโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดบางชนิด

  • ผู้ป่วยที่สงสัยภาวะโรคกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ, กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

  • ผู้ป่วยที่สงสัยก้อนเนื้องอกในหัวใจ

  • ผู้ป่วยที่สงสัยภาวะผิดปกติของหลอดเลือดแดงใหญ่ เช่น หลอดเลือดโป่งพอง ฉีกขาด เลือดออกหรือแผลที่ผนังหลอดเลือด

  • ผู้ป่วยที่สงสัยภาวะหลอดเลือดแดงที่ไตตีบ เช่น มีความดันโลหิตสูงที่ไม่สามารถควบคุมได้ด้วยยา

  • ผู้ป่วยที่สงสัยภาวะหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบตัน

ผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับการตรวจด้วยด้วยเครื่อง Cardiovascular MRI

  • ผู้ป่วยที่ใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจบางรุ่นซึ่งไม่สามารถเข้าสู่สนามแม่เหล็กได้

  • ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดแล้วได้รับการใส่คลิป (ชนิดที่ไม่ใช้ไททาเนียม) หนีบเส้นเลือดในสมอง

  • ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นสมอง (Deep brain stimulator) หรือ เส้นประสาท (Vagal nerve stimulation)

  • ผู้ป่วยที่ใส่เครื่องช่วยฟังที่ฝังในกระดูกหู (Cochlear implantation)

  • ผู้ป่วยที่มีโลหะตะกั่วฝังอยู่ในตัว

  • ผู้ป่วยที่มีโลหะหรือเศษเหล็ก ฝังอยู่บริเวณแก้วตา

การเตรียมตัวก่อนการตรวจ

  • งดน้ำและอาหาร 6 ชั่วโมงก่อนการตรวจ, เซ็นต์ใบยินยอมรับการรักษา

  •  สุภาพสตรีมีครรภ์ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบก่อนการตรวจ

  •  ท่านจะถูกขอให้ถอดฟันปลอมออกก่อนเข้าเครื่อง MRI

  • ต้องถอดเครื่องประดับ อุปกรณ์อิเลคโทรนิค โลหะทุกชนิด เช่น นาฬิกา โทรศัพท์มือถือ บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม หรือ บัตรอื่นๆที่ใช้แถบแม่เหล็กบันทึก

  • สุภาพสตรีควรเช็ดเครื่องสำอางออกก่อนเข้าห้องตรวจโดยเฉพาะสีทาเปลือกตา (Eye shadow) และขนตา (Mascara) เนื่องจากอาจมีส่วนผสมของโลหะ

  • เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของโรงพยาบาล

  •  ระยะเวลาในการตรวจโดยประมาณ 45-60 นาที ขึ้นอยู่กับชนิดของการตรวจ และรายละเอียดต่าง ๆที่แพทย์ต้องการ

การปฏิบัติตัวระหว่างการตรวจ

  • นักรังสีการแพทย์ประจำห้องตรวจ จะช่วยจัดท่าของท่านบนเตียงตรวจพร้อมแนะนำให้ท่านนอนให้นิ่งที่สุดเพื่อให้ภาพที่ปรากฏมีคุณภาพดีที่สุด

  • อาจต้องกลั้นหายใจเป็นระยะ ๆ (ครั้งละประมาณ 5-10 วินาที) ระหว่างการตรวจ ขณะตรวจ

  • เจ้าหน้าที่จะควบคุมเครื่องอยู่ด้านนอก แต่ได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อใช้คอยติดตามดูผู้ป่วยอยู่ตลอดระยะเวลาการตรวจ และผู้ป่วยเองก็สามารถสื่อสารกับแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ควบคุมผ่านทางไมโครโฟนได้ตลอดเวลา

  • ระหว่างทำการตรวจ ท่านจะได้ยินเสียงดังจากการทำงานของเครื่องเป็นระยะ ช่วงเวลาเสียงดังท่านต้องนอนนิ่งและไม่พูดเพื่อให้ได้ภาพจากการตรวจมีคุณภาพที่ดีที่สุด

  • ในบางกรณีอาจมีการฉีดสารเปรียบเทียบความชัด (Gadolinium) เข้าทางหลอดเลือดดำ เพื่อช่วยเน้นแยกรายละเอียดของโรค

การปฏิบัติตัวหลังการตรวจ

  • ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารและดื่มน้ำได้ตามปกติ
  • ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น หรือนอนโรงพยาบาลหลังการตรวจ
  • ถ้าท่านพบอาการผิดปกติหลังการตรวจ ท่านสามารถโทรศัพท์สอบถามได้ที่ ห้องตรวจ MRI ตึกภูมิสิริมังคลานุสรณ์ ชั้น 4 โทรศัพท์ 02-2564-000 ต่อ 80432

การให้บริการของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

เวลาทำการ  :

สถานที่  :

โทรศัพท์ :

ราคา :

วันจันทร์ – ศุกร์  เวลา 08.00น. – 16.00น. เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์

ห้องตรวจภาพหัวใจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ตึกภูมิสิริมังคลานุสรณ์ ชั้น 4

02-2564-000 ต่อ 80432

โดยทั่วไปอยู่ที่ราคา 14,500 – 18,000 บาท ขึ้นกับชนิดของการตรวจ 
สามารถเบิกได้ตามสิทธิราชการ
(โปรดตรวจสอบราคาปัจจุบันอีกครั้งเนื่องจากราคาดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงได้ โดยมิได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าทางเว็บไซต์)